ไวรัสคอมพิวเตอร์คืออะไร? Computer Virus หมายถึงอะไร
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาแผ่นดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่ง การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายความว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกใช้ให้ทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวเลยว่า ขณะที่ตนเรียกใช้โปรแกรมหรือเปิดไฟล์ใดๆขึ้นมาทำงาน ก็ได้เรียกไวรัสขึ้นมาทำงานด้วย จุดประสงค์การทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น สร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้นไวรัส (Virus) เป็นมัลแวร์ (Malware) ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้และอยู่มานาน ดังนั้นโดยทั่วไปตามข่าวหรือบทความต่างๆที่ไม่เน้นไปทางวิชาการมากเกินไป หรือเพื่อความง่ายและคุ้นเคยที่จะพูด ก็จะใช้คำว่า Virus แทนคำว่า Malware แต่ถ้าจะคิดถึงความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรก็ตาม จึงกลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่ใช้คำว่า Virus แทนคำว่า Worm, Trojan, Spyware, Adware เป็นต้น ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ามัลแวร์ (Malware) เพราะมัลแวร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน
ความสามารถพื้นฐานของไวรัสคอมพิวเตอร์ สามารถติดต่อไปยังโปรแกรมอื่นๆและทำสำเนา (copy) ตัวมันเองได้และมักจะมีการปรับเปลี่ยนลักษณะในทุกๆครั้งที่ทำสำเนาตัวมันเอง โดยส่วนใหญ่แล้วไวรัสจะพยายามหลบซ่อนจากการตรวจจับ หรือแสร้งทำตัวเป็นไฟล์สำคัญของระบบปฏิบัติการซึ่งระบบจะซ่อนไฟล์เหล่านี้ไว้ไม่ให้ผู้ใช้งานพบเจอ หรือลบออกไปได้ง่ายๆ ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น
ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่าบอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่งเป็นตัวจุดชนวนไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก อธิบายง่ายๆ คือถ้าเปรียบคอมพิวเตอร์เป็นมนุษย์ ไวรัสก็เปรียบได้กับเชื้อโรคที่อยู่รอบๆตัวเรา แล้วเชื้อโรคมันเข้าสู่ร่างกายของเราได้อย่างไร คำตอบสามารถแบ่งออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆก็คือ ได้รับเชื้อโรคโดยตรงกับได้รับเชื้อโรคจากผู้อื่น คอมพิวเตอร์เองก็เช่นกัน ติดไวรัสจากการที่ผู้ใช้เองนำ สื่อ หรือเข้าเว็บไซต์ที่มีไวรัสอยู่ทำให้ไวรัสเข้ามาติดในเครื่องโดยตรงกับรับไวรัสจากอีเมลหรือจาก flash drive ของผู้อื่น และเมื่อมนุษย์ติดเชื้อไวรัสแล้วก็จะมีอาการเจ็บป่วย ไม่สบาย ทำงานได้ไมเต็มที่ ส่วนคอมพิวเตอร์เองจะมีอาการได้แก่ การทำงานช้าผิดปกติ มีไฟล์หายไป รวมทั้งการหยุดทำงานเอง เป็นต้น สุดท้ายที่จะขอเปรียบเทียบคือ การแพร่เชื้อนั้นเอง มนุษย์สามารถแพร่เชื้อโรคจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ไวรัสคอมพิวเตอร์ก็ทำได้เช่นกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์สามารถ copy แพร่ตัวมันเองจากไฟล์หนึ่งไปสู่อีกไฟล์หนึ่ง และยังแพร่จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องได้ โดยการผ่านสื่อต่างๆเช่น แผ่นดิสก์, flash drive และ อีเมล์ เป็นต้น
ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้1. บูตไวรัส
บูตไวรัส (boot virus) คือ ไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมากมันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที บูตไวรัสจะติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ตำแหน่งมาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และจะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงานทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น2. ไฟล์ไวรัส
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น3. มาโครไวรัส
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น4. หนอน
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็วผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลายที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นระดับการทำลายล้างก็ยิ่งสูงขึ้น5. โทรจัน
ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝงในการกระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเราจากผู้ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัสและหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเองแต่โทรจัน (คอมพิวเตอร์)จะ ถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเองชนิดของไวรัส
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้นHoax หรือ ไวรัสข่าวหลอกลวง ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเจอ หรือได้รับจดหมายลูกโซ่ อย่างเช่นให้ส่งอีเมล์นี้ไปให้คนอีก 100 คนเพื่อคุณจะสมหวัง หรือ อีเมล์ข่าวที่ว่า มีไวรัสร้ายแรงระบาดหนัก ให้คุณทำการลบไฟล์ ชื่อนั้น ชื่อนี้ และแก้ตรงนั้นตรงนี้ แล้วรีสตาร์ทเครื่อง จะทำให้คุณไม่โดนไวรัส แต่เมื่อคุณทำไปแล้วก็จะไม่โดนไวรัสจริง เพราะคอมคุณไม่สามารถจะเปิดติดได้อีก นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันยังมีให้เห็นอยู่
Adware มาจากคำว่า Advertising Supported Software ซึ่งหากแปลกันตรงๆก็คือ โปรแกรมที่สนับสนุนการโฆษณานั่นเอง ซึ่งจะพบได้เวลาที่คุณเล่นอินเทอร์เน็ต แล้วเจอให้ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีแวร์ต่างๆ ซึ่งพวกนี้จะมีการแอบแฝงโฆษณามากับโปรแกรมเหล่านั้น ผลที่จะเกิดตามมาคือ บางครั้งจะมีหน้าต่างโฆษณาขึ้นมาให้คุณดู ทั้งๆที่ คุณไม่ได้คลิกหรือว่า ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งอาจจะพบได้ในโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่นโปรแกรมบอกสภาพอากาศ โปรแกรมพวกปฏิทินบนเดสทอป เป็นต้น
Spyware เป็นโปรแกรมที่จะทำหน้าที่โจรกรรมข้อมูล ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ส่งข้อมูลของคุณไปยังบริษัทผู้ผลิต อย่างเช่นการเข้าอินเทอร์เน็ตของคุณ การเข้าโปรแกรมต่างๆ บางทีจะเป็นทางผ่านให้กับแฮ็คเกอร์อีกด้วย และส่วนใหญ่ข้อมูลที่ถูกโจรกรรมไปจะถูกขายต่อ เป็นรายได้แก่บริษัทอีกต่างหาก
0 comments:
Post a Comment